ผลการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20

ที่ LPN/IR/08/50

10 พฤษภาคม 2550

เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สิ่งที่ส่งมาด้วย งบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2550 ของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย และบริษัทร่วม จำนวน 1 ชุด (ฉบับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)

ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาตรา 56 ว่าด้วยเรื่อง การเปิดเผยข้อมูลที่ให้บริษัทจัดส่งงบการเงิน ภายในระยะเวลา 45 วัน นับจากวันสุดท้ายของไตรมาส 1 นั้น บัดนี้ บริษัทขอนำส่งงบการเงินของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย และบริษัทร่วม ไตรมาส 1 ประจำปี 2550 มายังท่านเพื่อดำเนินการต่อไป

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพัก อาศัยได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2550 ไว้ 3 ด้าน คือ 1. รักษากลุ่มเป้าหมายเดิมโดยพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ ๆ ที่มีการแข่งขันน้อย 2. ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ไปที่กลุ่มระดับล่าง ? บน (C+) และ 3. เพิ่มความเข้มข้นของกลยุทธ์ชุมชนน่าอยู่ให้เป็นจุดแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ และบริการ

ส่วนผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2550 บริษัทฯ บริษัทย่อย และบริษัทร่วมมีรายได้รวม 1,067.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้รวม 425.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 151.05 โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้โครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ตามวิธีอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ (เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 ปี 2550) และโครงการที่ยกมาจากปี 2549 อีก 4 โครงการ รวมถึงรายได้จากการขายที่ดิน 3 แปลงที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการอาคารชุดพักอาศัย และติดถนนใหญ่ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ และทาวน์เฮ้าส์ให้แก่บริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และมีเป้าหมายในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม Non-Condo ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากร้อยละ 36.49 เป็นร้อยละ 36.88 ในไตรมาสนี้ เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จากเหตุผลดังกล่าวมีผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.90 ในไตรมาส 1 ปี 2549 เป็นร้อยละ 18.94 ในไตรมาส 1 ปี 2550 แต่หากพิจารณาตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2550 จะมีอัตราเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2549 ถึงร้อยละ 299.56 เนื่องมาจากมีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งโครงการที่รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ยังมีขนาดใหญ่กว่าโครงการในไตรมาส 1 ปี 2549 เกือบ 10 เท่า

เมื่อพิจารณางบกระแสเงินสด ณ 31 มีนาคม 2550 มีเงินสดคงเหลือจำนวน 262.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี 224.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.11 เนื่องมาจากบริษัทร่วมได้เริ่มจ่ายคืนเงินกู้ยืมบางส่วนให้กับบริษัทฯ จำนวน 40 ล้านบาท สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ 31 ธันวาคม 2549 และ ณ 31 มีนาคม 2550 เพิ่มจาก 0.80 : 1 เป็น 1.01 : 1 ตามลำดับ ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยก็ยังมีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 0.38 : 1 เป็น 0.65 : 1 เนื่องจากยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเปิดขายโครงการใหม่

หากพิจารณารายได้รวม และกำไรสุทธิของงบการเงินรวม และงบการเงินเฉพาะบริษัทในไตรมาส 1 จะมียอดไม่เท่ากันเนื่องจากได้มีการเปลี่ยนนโยบายบัญชีจากเดิมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียมาเป็นวิธีราคาทุนในงบการเงิน เฉพาะบริษัท โดยเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ 1 มกราคม 2550 และต้องปรับย้อนหลังไปปี 2549 ด้วย เพื่อให้เปรียบเทียบได้บนหลักเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งเป็นไปตามประกาศของสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 และ 32/2549 ให้แก้ไขมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 เรื่องงบการเงิน และการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อย และฉบับที่ 45 เรื่องการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วม

ในไตรมาส 2-4 ปี 2550 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการทยอยรับรู้รายได้ และโอนกรรมสิทธิ์ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา, โครงการลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย และโครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 มูลค่ารวมประมาณ 5,300 ล้านบาท และจะเปิดขายโครงการ ? ลุมพินี คอนโด ทาวน์ ? อีก 2 โครงการ, โครงการลุมพินี วิลล์ และโครงการลุมพินี เพลส อีกอย่างละ 1 โครงการ

ตารางสรุปตัวเลขที่สำคัญ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

 

ขอแสดงความนับถือ

(นายโอภาส ศรีพยัคฆ์)
กรรมการผู้จัดการ

สำนักกรรมการผู้จัดการ : โทร 02-285-5011-6 ต่อ คุณภาวนี