LPN ตอกย้ำคุณค่าแบรนด์ "ลุมพินี" อีกชั้น ทุบสถิติใหม่ ปิดการขายกว่า 4 พันล้าน ด้วย Speed การซื้อที่ดินพร้อมเปิดขายภายใน 1 เดือน
สะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ปิดท้ายปีวัวดุ LPN ลุยเปิดขาย 2 คอนโดใหม่ย่านปิ่นเกล้าและลาดพร้าว-โชคชัย 4 ปิดการขาย 3 พันยูนิต กว่า 4 พันล้าน ชี้กำลังซื้อสูง ด้วยสองสุดยอดทำเลที่ดีที่สุด การันตีแบรนด์ "ลุมพินี" มากด้วยคุณค่าพร้อมส่งมอบให้ลูกค้า ด้านลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ทุบสถิติพร้อมเปิดขายหลังซื้อที่ดินเพียง 1 เดือน ขณะที่ความต้องการยังมีล้น เร่งซื้อที่ดินเพิ่ม ไร้กังวล backlog พร้อมเตรียมรับรู้รายได้ปลายปีหน้า
ลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า และลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 : นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวถึงการเปิดการขาย 2 โครงการ บนทำเลย่านปิ่นเกล้าและลาดพร้าว-โชคชัย 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นับเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ที่ LPN ต้องบันทึกไว้ ด้วยการทำลายสถิติเปิดขาย 2 โครงการใหม่ รวม 3 พันยูนิต กว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งหากนับเฉพาะโครงการลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 พบว่า สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการรวมมูลค่า 1,300 ล้านบาท ในขณะที่ความต้องการล้นเกินกว่าจำนวนห้องชุดที่มี ด้วยยอดบัตรคิวที่สูงถึง 5,000 รายทั้งสองโครงการทางกรรมการบริหารจึงเตรียมเร่งหาซื้อที่ดินเพิ่มในทำเลเดียวกัน รองรับ waiting list จำนวนมหาศาลที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการขายอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปีหน้าเป็นต้นไป นับเป็นการเพิ่มยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ได้เป็นอย่างดี
"สำหรับความสำเร็จของการเปิดขายโครงการลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า และลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 นั้นมาจาก 1) การศึกษาทำเลและราคาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นจุดแข็งของ LPN มาโดยตลอด 2) การยอมรับและเชื่อมั่นต่อแบรนด์ "ลุมพินี" 3) ความเชื่อมั่นของลูกค้าในประสิทธิภาพการบริหารจัดการชุมชน ภายใต้แนวคิด "ชุมชนน่าอยู่" 4) ความรวดเร็วในการพัฒนาโครงการที่ช่วยควบคุมเรื่องต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างโครงการลุมพินี วิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ซึ่งซื้อที่ดินมาในวันที่ 16 ตุลาคม 2552 บริษัทสามารถออกแบบ เตรียมแผนการขาย ปรับปรุงและทำ Site Presentation พร้อมเปิดขายและปิดการขายทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านบาท ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 นับเป็นเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้นหลังการซื้อที่ดิน ซึ่งถือเป็นการพัฒนาโครงการในระยะเวลาที่สั้นที่สุดที่เคยทำมา"
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า "และจากแรงตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้วันนี้ LPN มีความมั่นใจที่จะพัฒนาโครงการให้มีคุณค่าสูงขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเล และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น "ลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า" ที่นอกจากทำเลที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังมีอีกหนึ่งคุณค่าที่เราเพิ่มให้ คือ สวนขนาดใหญ่ บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ภายใต้ชื่อ "สวนรวมใจ" (Community Park) ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีสถานที่ที่จะสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างครอบครัวหรือกับเพื่อนบ้านก็ตาม นับเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการจัดสรรพื้นที่ว่างได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวคิดของการสร้าง "ชุมชนน่าอยู่" ตามเป้าหมายที่ LPN วางไว้มาโดยตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทุกผลิตภัณฑ์ที่ LPN พัฒนาขึ้นจึงรับรองได้ถึงความใส่ใจต่อการอยู่อาศัยของลูกค้าว่าต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อลูกค้าทุกคนจะได้มีความสุขที่แท้จริงของการอยู่อาศัย"