Stock Focus: LPN : แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ชะลอตัว
กำไรสุทธิไตรมาส 3/2550 ของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์(LPN) ปรับตัวสูงขึ้น 61% YoY และ 24% QoQ เป็น 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่การเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีรายได้ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ นอกจากนี้อัตรากำไรสุทธิยังปรับตัวสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาส 2/2550 และไตรมาส 3/2550
ในขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 3/2550 ก็ได้ปรับตัวลดลงเหลือ 0.93 เท่าจาก 1.00 เท่าในไตรมาส 2/2550 ทั้งนี้กำไรสุทธิไตรมาส 3/2550 ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 10% แต่ KS ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 สำหรับ LPN เอาไว้เท่าเดิม
ในไตรมาส 4/2550 กำไรสุทธิมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง QoQ ตามการลดลงของรายได้ แต่คาดว่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2549 ดังนั้น KS จึงคงคำแนะนำ BUY หุ้น LPN โดยประเมินราคาพื้นฐานปี 2551 เอาไว้ที่ 9.10 บาทต่อหุ้น (P/E 12 เท่า)
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น YoY ตามยอดขาย
การโอนกรรมสิทธิ์โครงการลุมพินีเพลส พหลโยธิน-สะพานควาย จำนวนกว่า 1.7 พันล้านบาท ช่วยให้รายได้ในไตรมาส 3/2550 ปรับตัวสูงขึ้น 59% YoY เป็น 2.2 พันล้านบาท นอกจากนี้อัตรากำไรสุทธิก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 16.4% (จาก 16.2% ในไตรมาส 3/2549) หลังจากอัตราภาษีที่แท้จริงปรับตัวลดลง ซึ่งทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 3/2550 ปรับตัวสูง ขึ้น 61%YoY เป็น 360 ล้านบาท แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวลดลง (จาก 32.0% เป็น 31.7%) และอัตราส่วน SG&A ต่อยอดขายปรับตัวสูงขึ้น (จาก 9.2% เป็น 9.4%)
การควบคุมต้นทุนมีประสิทธิภาพ
รายได้ในไตรมาส 3/2550 ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 14% QoQ นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นยังปรับตัวลดลงจากระดับ 33.1% ในไตรมาสก่อนหน้า หลังจากที่รายได้จากโครงการลุมพินีเพลสเจ้าพระยา-นราธิวาส (ซึ่งเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง) มีสัดส่วนในรายได้รวมลดลง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิไตรมาส 3/2550 ได้ปรับตัวสูงขึ้น 24% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากอัตรา ส่วน SG&A ต่อยอดที่ขายปรับตัวลดลงมากจากระดับ 11.4% ไตรมาส 2/2550
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง
ถึงแม้ LPN จะมีการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในระหว่างไตรมาส แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 3/2550 กลับปรับตัวลดลงเหลือ 0.93 เท่า จาก 1.00 เท่าในไตรมาส 2/2550 ในขณะที่ยอดหนี้สินซึ่งก่อให้เกิดดอกเบี้ยยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 1.8 พันล้านบาท
คงคำแนะนำ BUY ราคาพื้นฐาน 9.10 บาท
กำไรสุทธิไตรมาส 3/2550 ออกมาสูงกว่าที่ KS คาดการณ์ไว้ประมาณ 10% และทำให้กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี มีจำนวนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 83% ของประมาณการสำหรับทั้งปี อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง KS จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 สำหรับ LPN เอาไว้เท่าเดิม สำหรับไตรมาส 4/2550 กำไรสุทธิมีแนวโน้มที่จะออกมาน่าพอใจแม้การเติบโตอาจจะต่ำกว่าในไตรมาส 3/2550
นอกจากนี้โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกันประมาณ 3.2 พันล้านบาท ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้นดังนั้น KS จึงคงคำแนะนำ BUY หุ้น LPN โดยประเมินราคาพื้นฐานปี 2551 เอาไว้ที่ 9.10 บาทต่อหุ้น (P/E 12 เท่า)
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย บล.กสิกรไทย
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550