Stock Watch: LPN : ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็นปี 51 ที่ 10 บาท
LPN เป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่างที่มีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในการหนีตลาดระดับกลาง-ล่างที่เริ่มมีคู่แข่งรายใหม่มาสู่ตลาดระดับล่าง เรายังคงประมาณการณ์ปี 50 ตามเดิมซึ่งน่าจะทำได้ตามคาด โดยคาดยอดขายและกำไรสุทธิจะเติบโตราว 28% ขณะที่ปีหน้ายังมีศักยภาพในการเติบโตของยอดขายและมีความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การถือหุ้นในระยะยาวยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 5-6% ในปี 50-51 ปรับคำแนะนำจาก "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" เป็น "ซื้อ" โดยใช้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 51 ที่ 10 บาท
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
การเปิดตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าระดับล่าง (C+) มีผลตอบรับดี LPN ประสบความสำเร็จในการเปิดขายโครงการรูปแบบใหม่"คอนโดทาวน์"ซึ่งมีราคา 6-7 แสนบาทเศษต่อยูนิตเพื่อขยายฐานลูกค้าสู่ระดับล่าง(C+)ที่เป็นผู้เช่าที่อยู่อาศัยที่ยังมีความต้องการอีกมาก แต่ก็ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มแคบลงกว่าเดิม
คงประมาณการณ์ปี50ตามเดิม ผลประกอบการครึ่งปีแรกมียอดขายและกำไรคิดเป็น 47%และ50% ของประมาณการณ์ทั้งปี ขณะที่แผนการโอนในช่วงครึ่งปีหลังยังทำได้ตามแผน ได้แก่ โครงการลุมพินีเพลส นราธิวาส-เจ้าพระยาส่วนที่ยังโอนไม่หมดอีก 150 ห้องและที่ยังขายไม่หมดอีก 150 ห้อง โครงการลุมพินีเพลส พหลโยธิน-สะพานควายมูลค่า 2,200 ล้านบาทซึ่งขายหมดแล้วจะเริ่มโอนในเดือนก.ย. และโครงการลุมพินีเพลส-ปิ่นเกล้า2 มูลค่า 1,200 ล้านบาทซึ่งขายหมดแล้วจะเริ่มโอนเดือน ต.ค. ขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยรวมทำได้ใกล้เคียงกับประมาณการณ์ ดังนั้นเรายังคงคาดยอดขายปี 50 ราว 6,100 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28%yoy และกำไร 976 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28%yoy
ยอดโอนปี 51 มี backlogรองรับแล้ว 68% ยอดขายที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 51 มาจาก 4โครงการได้แก่ ลุมพินีวิลล์ รามคำแหง 44 (ขายแล้ว 87%) ลุมพินีเพลส รัชดา-ท่าพระ(ขายแล้ว 43%) ลุมพินีคอนโดทาวน์บดินทร์เดชา(ขายแล้ว73%) และลุมพินีคอนโดทาวน์-รามอินทราหลักสี่ (ขายหมดแล้ว) มูลค่ารวม 6,550 ล้านบาทซึ่งมียอดขาย presale รองรับแล้ว 68% เราคาดยอดขายปี 51 ราว 7,515 ล้านบาทและกำไร 1,126 ล้านบาทซึ่งเติบโต 23% และ 15% ตามลำดับ
ฐานะการเงินยังมั่นคง แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio)ที่ระดับ 1 เท่าจะสูงกว่าระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาจากการปรับกลยุทธ์การพัฒนาคอนโดมิเนียม low-rise มาเป็น middle-rise ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมสูงขึ้นจึงมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจะมีอัตราส่วนที่ 0.51 เท่ายังถือว่าไม่สูงนักถือว่าฐานะการเงินยังมั่นคง
ปรับคำแนะนำจาก "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" เป็น "ซื้อ" โดยเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 10 บาท (เดิม 9.20 บาท) สำหรับปี 51 เนื่องจากประมาณการณ์ปี 50 ค่อนข้างชัดเจนว่าน่าจะทำได้ตามคาดซึ่งราคาตลาดได้รับรู้ไปแล้ว เราจึงปรับมาใช้ราคาเป้าหมายของปี 51 โดยกำหนดจาก Prospect PER 13 เท่าซึ่งเป็นระดับเดียวกับ PER สูงสุดในอดีตจะได้ราคาเหมาะสม 10 บาท ที่ราคาปิด 8.35 บาทซื้อขายที่ PER 12.6 และ 10.9 เท่าสำหรับปี 50-51 ตามลำดับและยังมี upside gain อีกราว 20% ขณะที่เราคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 50-51 ราว 4-5% ต่อปี (ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท yield 1.2% XD 15 ส.ค.50 วันจ่าย 4 ก.ย.50) ทำให้ LPN เหมาะสำหรับซื้อลงทุนระยะยาว
ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ โดย บล.โกลเบล็กฯ
วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2550