แอลพีเอ็นฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 35%

Backมีนาคม 16, 2550

มั่นใจรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่คิวคอนคาดปีนี้พลิกมีกำไร ราคาอิฐมวลเบาพุ่ง

แอล.พี.เอ็น.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 6.8 พันล้านบาท เติบโต 35% มั่นใจการเมืองผันผวนกับ ศก.ชะลอไม่กระทบ เหตุมียอดรอรับรู้รายได้จากโครงการ 6.3 พันล้านบาท อื่นๆ อีก 500 ล้านบาท เชื่อรักษาระดับมาร์จินได้เท่ากับปีก่อน 15% เข็น 6 โครงการใหม่มูลค่า 7.7 พันล้านบาท เล็งจับมืออีก 2 แบงก์ร่วมปล่อยกู้โครงการสรุปสิ้นเดือนนี้ ขณะที่คิวคอนหวังปีนี้พลิกมีกำไร ยอดขายทะลุพันล้านบาท หลังราคาอิฐมวลเบาขยับขึ้น

นายสมบัติ กิตติโภคิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6.8-6.9 พันล้านบาท โดยจะมาจากยอดรอรับรู้รายได้จากโครงการเก่า 6.3 พันล้านบาท และรับรู้รายได้จากบริษัทพรสันติ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่บริษัท แอล.พี.เอ็น. ถือหุ้น 100% จะรับรู้รายได้ 400 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากค่าเช่าและบริการประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนมีรายได้รวม 5.02 พันล้านบาท

"ต้นปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะซบเซาการเมืองก็ไม่นิ่ง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากมียอดรอรับรู้รายได้อยู่ 6.3 พันล้านบาท และบริษัทก็ยังมีรายได้อื่นเพิ่มอีก ซึ่งทั้งปี น่าจะมีอัตราเติบโตมากกว่าปีก่อนและมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของกำไรสุทธิได้เท่ากับปีก่อนประมาณ 15%" นายสมบัติ กล่าว

สำหรับความร่วมมือระหว่างธนาคารพาณิชย์โดยให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับแบงก์กสิกรไทย (KBANK) แล้ว ทำให้มีแบงก์อีก 2 แห่งได้ติดต่อเข้ารวมโครงการกับบริษัท ซึ่งบริษัทจะนำโครงการ บนถนนรามอินทรา-หลักสี่ เข้าร่วมโครงการ และคาดว่าจะเลือกทำข้อตกลงกับแบงก์ใดภายในสิ้นเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้จำนวนลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านน่าจะมีจำนวนลดลง เนื่องจากผลดีกับการได้รับความร่วมมือกับแบงก์ ซึ่งปีก่อนมียอดลูกค้ากู้ไม่ผ่านประมาณ 10% และฝ่ายบริหารของบริษัทกำหนดไว้ว่าในโครงการบดินทรเดชา จะต้องมีลูกค้ากู้ไม่ผ่านเพียง 100 รายจากจำนวนลูกค้า 3 พันราย คิดเป็น 3%

ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองอาจมีการปรับเปลี่ยนและภาวะเศรษฐกิจอาจจะมีการชะลอตัวลง แต่ในปีนี้ ก็ยังมีแผน เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7.7 พันล้านบาท ซึ่งในส่วนของไตรมาสแรกนี้ได้เปิดโครงการลุมพินีคอนโดทาวน์ บดินทรเดชาไปแล้ว มูลค่า 2.6 พันล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 เตรียมเปิดโครงการลุมพินีคอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่ มูลค่า 1.4 พันล้านบาท และโครงการลุมพินีเพลสปิ่นเกล้า 3 มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เตรียมเปิดโครงการลุมพินีวิลล์ (Tilot Project) มูลค่า 1.2 พันล้านบาท และโครงการลุมพินีทาวน์รามคำแหง 26 มูลค่า 800 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 4 เตรียมเปิดโครงการ Elderly Condominium มูลค่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังมีโครงการต่อเนื่องจากปีก่อนอีก 5 โครงการมูลค่า 9.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ โดยในส่วนของโครงการคอนโดทาวน์บดินทรเดชาที่เปิดต้นปีมียอดขายเข้ามาอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ได้เปิดไปจำนวน 9 อาคาร 2.2 พันยูนิต จากทั้งหมด 14 อาคาร มียอดจองเข้ามากว่า 90% แล้วและเตรียมเปิดอีก 5 อาคารเร็วๆ นี้

ส่วนการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการลุมพินีเพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา จำนวนกว่า 1 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวมที่ 3.5 พันล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2549 บริษัทรับรู้รายได้ในโครงการลุมพินีเซ็นเตอร์ นวมินทร์เพียงโครงการเดียว และมีมูลค่า 450 ล้านบาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะนำพื้นที่ในหลายทำเลให้กับทางบริษัทพรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ แอล.พี.เอ็น. ถือหุ้นกว่า 100% นำมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งขณะนี้มีแผนที่จะพัฒนา 5 ทำเล ประกอบด้วย พหลโยธิน สะพานควาย ศูนย์วัฒนธรรม นวมินทร์ ปิ่นเกล้าและลาดพร้าว 21 โดยโครงการส่วนใหญ่จะเตรียมพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์เนื่องจากมีพื้นที่ไม่มาก ส่วนโครงการที่ลาดพร้าว 21 เตรียมพัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากบริษัทลูกดังกล่าวเข้ามาในบริษัท แอล.พี.เอ็น. ปีนี้ประมาณ 400 ล้านบาท

คิวคอนหวังปีนี้พลิกทำกำไร

ด้านนายพยนต์ ศักดิ์เดชยนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ (Q-CON) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2550 น่าจะปรับดีขึ้น คาดว่าจะสามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท และมีปริมาณพื้นที่ขายประมาณ 8 ล้านตารางเมตร จากปี 2549 ที่บริษัทประสบผลขาดทุนกว่า 81 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 902 ล้านบาท

ทั้งนี้สาเหตุที่ผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่แย่สุด ในแง่ของราคาของผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา โดยราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 120-125 บาทต่อตารางเมตร แต่ปัจจุบันราคาผลิตภัณฑ์เริ่มขยับขึ้นในทิศทางที่ดีขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ล่าสุดช่วงต้นปีราคาอยู่ที่ 130 บาทต่อตารางเมตร และทั้งปีคาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 135-140 บาทต่อตารางเมตร

"ปีนี้น่าจะพลิกทำกำไรได้ เพราะปีที่แล้วถือว่าแย่สุดๆ ราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยแค่ 120-125 บาทต่อตารางเมตร แต่ตอนนี้มีทิศทางเพิ่มขึ้น" นายพยนต์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการปี 2549 บริษัทขาดทุนสุทธิ 81 ล้านบาท จากปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 27 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่ผลประกอบการลดลง เนื่องจากรายได้จากการขายปรับตัวลดลง โดยในปี 2549 บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 845.38 ล้านบาท ลดลงจำนวน 0.32 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2548 ที่มีรายได้จากการขาย จำนวน 845.70 ล้านบาท หรือลดลงในอัตตรา 0.04%

ทั้งนี้เป็นผลจากภาวะทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งการชะลอตัวในธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับบริษัทมีนโยบายในการปรับลด ราคาขาย เพื่อขยายตลาดธุรกิจอิฐมวลเบา และสอดคล้องกับกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลง โดยในปี 2549 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 22.40% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2548 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 27.39 % ทั้งนี้เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของ ต้นทุนวัตถุดิบ

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายตัวแทนขายในต่างจังหวัดมากขึ้น จากปี 2549 บริษัทมียอดขายผ่านตัวแทนประมาณ 40% และขายผ่านกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วน 20% และที่เหลือขายผ่านโครงการต่างๆ 40% อย่างไรก็ตามในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีการขายผ่านตัวแทนเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกมากขึ้น จากปีที่แล้วมีการส่งออก 1% เพิ่มเป็น 8%

ด้านราคาหุ้นบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ วานนี้ ปิดตลาดที่ราคา 1.86 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.03 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.9 ล้านบาท

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2550


Please read our General Disclaimer & Warning carefully.
Use of this Website constitutes acceptance of the Terms of Website Use.
Copyright © 2024. ThaiListedCompany.com. All Rights Reserved.